วันพุธที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2564

지? / 지 : การลงท้ายประโยค

ถาม / คุยกับ "ตัวเอง"  >  자? 
ตอบคำถาม "คนอื่น" > 지 
👀 ----- 👀

지? : ใช้ในตอนที่เราถามตัวเราเอง หรือ คุยกับตัวเองนั่นเอง 
แต่การจะถามตัวเองโดยการลงท้ายด้วย 지 นั้น ต้องมี "คำแสดงคำถาม" อยู่ในประโยคด้วย 
 "คำแสดงคำถาม" คือ
        누구 : ใคร
        무엇 : อะไร
        어디 : ที่ไหน
        얼마 : เท่าไหร่
        언제 : เมื่อไหร่
        무슨 : อะไร
        어떤 : ใด
        어느 : ไหน 
        몇 : กี่
        왜 : ทำไม
        어떻게 : อย่างไร
        뭐 : อะไร

ตัวอย่างประโยค
    🎾 1] 수학 수업 시간이 9 시지? : เวลาคาบวิชาคณิตศาสตร์คือ 9 โมงใช่ไหม 
        - คำอธิบายคือ เราตื่นเช้าและกำลังไปโรงเรียน ระหว่างทางเราพยายามคิดถึงชั่วโมงเรียน เพราะไม่แน่ใจว่ามันเริ่มกี่โมงกันแน่ 

    🎾 2] 그 사람 이름이 뭐지? : คนนั้นชื่ออะไรนะ 
        - คำอธิบายคือ เราไปงานปาร์ตี้ที่หนึ่ง แล้วบังเอิญเจอคนที่เรารู้จัก แต่เราดันลืมชื่อของคนๆ                    
นั้นไป เมื่อเราพยายามนึก เราถามตัวเองว่า “그 사람 이름이 뭐지?” 

    🎾 3] 핸드폰이 어디 있지? :  โทรศัพท์อยู่ที่ไหนนะ 
        - คำอธิบายคือ เรากำลังหาโทรศัพท์ที่จำไม่ได้ว่าเอาไปลืมไว้ที่ไหน เมื่อเราพูดพึมพำกับตัวเอง เราเลยถามตัวเองว่า “핸드폰이 어디 있지?”

    🎾 4] 어젯밤에 뭐 했지? : เมื่อคืนเราทำอะไร 
        - คำอธิบายคือ เรากำลังพยายามนึกว่าเมื่อคืนเราทำอะไร เราอาจจะเมาจนจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนเราทำอะไรบ้าง และตอนเช้าของวันถัดมา เราพยายามถามตัวเองว่า “어젯밤에 뭐 했지?”
 
     --  ประโยค 지? ที่เราใช้ถามตัวเองนั้น ถ้าไม่มีคำแสดงคำถาม จะทำให้ประโยคดูไม่เป็นธรรมชาติ ไม่สมเหตุสมผล -- 
       
    -- แต่หากต้องการถามตัวเอง พูดกับตัวเอง กรณีที่ไม่มีคำแสดงคำถามในประโยค จะใช้ไวทยากรณ์ [으]ㄹ 까? แทน 

        ตัวอย่างเช่น 
    []  국수를 먹을까? : กินก๋วยเตี๋ยวดีไหมนะ? 
    []  뭐 먹을까요? : กินอะไรดีนะ? 
        - คำอธิบายคือ 2 ประโยคนี้  ถูกต้องทั้งสองแบบ การใช้ไวทยากรณ์ [으]ㄹ 까? นั้น เมื่อเราถามหรือคุยกับตัวเราเอง ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะต้องมี คำแสดงคำถามในประโยคไหม เหมือนกับ 지? 

     [] 국수를 먹지? : ประโยคนี้ดูไม่สมเหตุสมผล เมื่อเราถามตัวเอง และในประโยคไม่มีคำแสดงคำถามจึงไม่ใช้ 지? ในการลงท้ายประโยค

    [] 뭐 먹지? :  กินอะไรดีนะ? [การแปลให้เข้าใจในบริบทของภาษาไทย] ประโยคนี้ใช้ได้ในการถามตัวเอง มีคำแสดงคำถามในประโยค 

            -🍊- ในการถามตัวเอง เราสามารถใช้ ไวทยากรณ์ [으]ㄹ 까? และ 지? ได้ 
                แต่อย่าลืมว่า 지? เราต้องใช้กับ "คำแสดงคำถาม" ด้วยเท่านั้น 
                ในขณะที่  [으]ㄹ 까? นั้นไม่จำเป็นต้องใช้กับ  "คำแสดงคำถาม" -🍊

📘-----📙-----📗-----📒-----📕-----📔-----📘-----📙-----📗-----📒-----📕-----📔
ลองทำแบบฝึกต่อไปนี้ 

[ ✔ หรือ ] : 주말에 여행하지? 
[ ✔ หรือ ] : 주말에 뭐하지?   
หรือ ] : 주말에 뭐할까?
[ ✔ หรือ ] : 주말에 여행할까요?
:
:
:
คำตอบ
❌ ] : 주말에 여행하지? 
✔ ] : 주말에 뭐하지?   
✔ ] : 주말에 뭐할까?
✔ ] : 주말에 여행할까요?

📘-----📙-----📗-----📒-----📕-----📔-----📘-----📙-----📗-----📒-----📕-----📔


지 : ใช้ตอบกลับเมื่อเราต้องการตอบคำถามใครบางคน ในสิ่งที่เราเห็นด้วยกับคนถาม หรือกับคำตอบที่เราคิดว่าคนถามน่าจะคิดเหมือนกันกับเรา
🌼 การใช้ 지 สามารถตัด 다 ออก และเติม 지 ได้เลย
        เราอาจเคยได้ยินคำว่า “당연하지” [แน่นอนอยู่แล้ว] ซึ่งเราไว้ใช้พูดตอบตอนที่เรามั่นใจในเรื่องที่ตอบมากๆ
ตัวอย่างด้านล่างนี้จะช่วยให้เราสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้นค่ะ 
    1] ช่วงพักกลางวันของการทำงานที่แสนน่าเบื่อ เพื่อนถามเราว่า : “배가 고파?” [หิวไหม] 
เราที่ท้องร้องแต่เช้า จึงตอบว่า : “배가 고파지!” [หิวสิ]  
    2] สุดหล่อที่เราชอบ มาถามว่า : “네가 나랑 같이 여행을 가고 싶어?” [เธออยากไปเที่ยวด้วยกันกับฉันไหม] ถ้าเราอยากไปก็ตอบไปเลยว่า : “가지” [ไปสิ] หรือ “당연하지!” [แน่นอนอยู่แล้ว]

💚'''💜'''💚'''💜'''💚'''💜'''💚'''💜'''💚'''💜'''💚'''💜'''💚'''💜'''💚'''💜'''💚'''💜'''💚'''💜'''💚'''💜

 ไวยากรณ์ที่ควรรู้ >> 문법 : 지요? / 죠? 🚩https://todaywesayanyoung.blogspot.com/2021/10/blog-post_27.html  


💚'''💜'''💚'''💜'''💚'''💜'''💚'''💜'''💚'''💜'''💚'''💜'''💚'''💜'''💚'''💜'''💚'''💜'''💚'''💜'''💚'''💜

ช่องทางการติดตาม

TWITTER :  แปลเกาหลี วลี&เพลง

FACEBOOK : แปลเกาหลี วลี&เพลง

สนใจเรียนภาษาเกาหลี  LINE  :  





 


지요? 죠? : ก็นั่นนะสิใช่มั้ย?

 지요? 죠? : ก็นั่นนะสิใช่มั้ย? 😳


📣  지요? มีรูปแบบย่อ คือ 죠? หรือ 지?

💬  ใช้ในภาษาพูด ลงท้ายประโยค

📣  วิธีการใช้ คือสามารถต่อท้ายประโยคได้เลย 


🚩 สำหรับคำกริยาทั้งกริยาที่แสดงการกระทำ และคำกริยาที่แสดงอาการ ตัด 다 ออกได้เลย 

📍 สำหรับคำนามที่ใช้กับคำกริยา 이다 ตัด 다 เป็น คำนาม이지요? / คำนาม이죠? / คำนาม이지? 


🌂 ความหมายของ 지요? นั้น เราไม่สามารถกำหนดได้แน่นอน 

      แต่จะให้คำอธิบายของ 지요? 죠? 지? ไว้ตามนี้

1] 확인 การยืนยัน : ผู้พูดต้องการถามยืนยันให้แน่ใจ ในสิ่งที่ผู้พูดและผู้ฟังรู้อยู่แล้ว  

2] 권유함 : การชักจูงโน้มน้าว : ผู้พูดต้องการให้ผู้ฟังคล้อยตาม หรือผู้พูดต้องการความคิดเห็นที่เหมือนกัน

3] 친근함 ความสนิทสนม : พูดแสดงถึงความสนิทสนมกับคู่สนทนา


 ตัวอย่างประโยคด้านล่างต่อไปนี้ จะช่วยให้เข้าใจความหมายได้ค่ะ

    1] เรารู้สึกว่าอากาศวันนี้ร้อน จึงพูดกับเพื่อนว่า : “오늘 날씨가 덥지요?” [วันนี้อากาศร้อนเนอะ] 
        - 덥다 [ร้อน] ตัด 다 ออก และเติม 지요? ได้เป็น 덥지요?

    ✎ 2] เมื่อวานเพื่อนร่วมงานของเราไม่ได้มาที่บริษัท พอเราเจอเพื่อนคนนั้น จึงถามเพื่อนอีกครั้งว่า : “어제     너 회사에 안 왔죠?” [เมื่อวานเธอไม่ได้มาที่บริษัทใช่มั้ย] 
        - เรารู้อยู่แล้วว่าเพื่อนร่วมงานคนนี้หยุดเมื่อวาน แต่อยากถามให้แน่ใจอีกครั้ง  และมันเป็นเรื่องของเมื่อวานเรากำลังพูดถึงอดีต จึงใช้ 오다 [มา] + 았/었다 [แสดงความเป็นอดีต] = 왔다 ตัด 다 ออก เติม 죠? ได้เป็น 왔죠?

    ✎ 3] พรุ่งนี้เรามีนัดกับเพื่อนหลายคนจะไปดูหนัง เราอยากยืนยันให้แน่ใจว่าเพื่อนคนสนิทของเราจะไปด้วยมั้ย เราเลยโทรไปถามเพื่อนว่า : “내일 너도 함께 갈 거죠?” [พรุ่งนี้เธอก็จะไปด้วยกันใช่มั้ย]  
         - พรุ่งนี้เป็นเรื่องของอนาคต จึงใช้  가다 [ไป] + ㄹ/을 거 [แสดงความเป็นอนาคต] + 지? = 갈 거죠?  

    ✎ 4]  เราเดินเล่นกับแฟนหนุ่มสุดหล่อที่สวนสวยแห่งหนึ่ง สองข้างทางเต็มไปด้วยดอกงิ้วสีสันสดใส เราเลยพูดกับแฟนว่า : “꽃이 예쁘죠?” [ดอกไม้สวยเนอะ] 
        - 예쁘다 [สวย] ตัด 다 ออก และเติม 죠? ได้เป็น 예쁘죠?

    ✎ 5] เมื่อวานมีข่าวใหญ่ว่านายกรัฐมนตรีติดโควิด ด้วยความดีใจ เอ๊ย!! ตกใจ เราเลยถามเพื่อนว่า : “총리는 코로나-19에 걸렸지요?” [นายกติดโควิด19หรอ] 
        - การลงท้ายเหมือนในข้อ [2] 

    ✎ 6] วันนี้เป็นวันอาทิตย์ พรุ่งนี้ก็คือวันจันทร์ ซึ่งเรายังไม่พร้อมไปทำงานเลย ทำไมวันหยุดผ่านไปเร็วขนาดนั้น เราเลยถามเพื่อนอีกครั้งให้แน่ใจว่าพรุ่งนี้เป็นวันจันทร์ เราพูดว่า : “내일은 월요일이죠?” [พรุ่งนี้เป็นวันจันทร์ใช่มั้ย] 
        - ลงท้ายด้วย 이다 ตัด 다 ออก และเติม 죠 จะได้ 이죠? 

    ✎ 7] กำลังจะจ่ายตังค์ค่าของ แต่ไม่แน่ใจเรื่องราคา เลยถามคนขายอีกครั้งว่า : “이건 10,000원이죠?” [อันนี้ หมื่นวอนใช่มั้ย] 
        - การลงท้ายเหมือนในข้อ [6]

    ✎ 8] ก่อนออกจากบ้าน แม่ถามว่า : “돈이 충분히 있죠?” [เงินมีพอใช่มั้ย] 
        - ลงท้ายด้วย 있다 [มี] ตัด 다 ออก และเติม 죠 จะได้ 있죠?  

    ✎ 9] อยากรู้ว่าตอนนี้คุณยุ่งไหม แต่ลึกๆก็คิดว่าคุณยุ่งแหละ แต่ก็อยากลองถามอีกครั้งนึงให้แน่ใจ : “지금 당신 바쁘죠?” [ตอนนี้คุณยุ่งไหม] 
        - ลงท้ายด้วย 바쁘다 [ยุ่ง] ตัด 다 ออก และเติม 죠 จะได้ 바쁘죠?   
 
    ✎ 10] เรากำลังฝึกร้องเพลง เพื่อไปแข่งขัน ระหว่างนั้นแม่มานั่งดูเราในห้องซ่อม พอเราร้องจบเพลง เราเลยหันไปถามแม่ว่า : “엄마, 나 잘하지요?” [แม่คะ, หนูทำได้ดีใช่มั้ย] 
        - ลงท้ายด้วย 잘하다 [ทำได้ดี] ตัด 다 ออก และเติม 지요 จะได้ 잘하지요?    

                ▶ [เนื่องจากเป็นสำนวนที่ใช้ในการพูด บางประโยคจึงไม่ได้ใส่ตัวชี้ให้นะคะ] 

         🌱----🌸----🍁----🍃----🍊----🌼----🌱----🌸----🍁----🍃----🍊----🌼
        

▶ ไวทยากรณ์ใกล้เคียงที่ควรรู้  지? / 지 : ถามตัวเอง? / ตอบคนอื่น

        🌱----🌸----🍁----🍃----🍊----🌼----🌱----🌸----🍁----🍃----🍊----🌼

 เปรียบเทียบไวยากรณ์  

คำถาม :  
나요? แตกต่างกับ 지요? อย่างไร ??
 ตอบ :  나요?  ให้ความรู้สึกถึงการยกย่อง ให้ความสุภาพ แฝงความหมายถึงการขอความเห็นจากฝ่ายตรงข้าม 
               지요? 죠?  ให้ความรู้สึกถึงความสนิทสนมกัน แฝงความหมายถึงการขอให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นด้วย หรือคล้อยตาม  
               
    เรียนไวยากรณ์  나요?   V 나요? / A [으]ㄴ가요? / N 인가요?

🌱----🌸----🍁----🍃----🍊----🌼----🌱----🌸----🍁----🍃----🍊----🌼

▶ อยากเพิ่มคลังคำศัพท์ไว้ฝึกพูด ฝึกแต่งประโยค  คำกริยาภาษาเกาหลี 444 คำ


🌱----🌸----🍁----🍃----🍊----🌼----🌱----🌸----🍁----🍃----🍊----🌼

ช่องทางการติดตาม

TWITTER :  แปลเกาหลี วลี&เพลง

FACEBOOK : แปลเกาหลี วลี&เพลง

สนใจเรียนภาษาเกาหลี  LINE  :  





วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2564

숫자 : ตัวเลข

ภาษาเกาหลี มีการใช้ตัวเลข 2 ประเภท 
คือ  1. ตัวเลขจีน : 한자어 숫자 

     2. ตัวเลขเกาหลี : 고유어 숫자

โดยตัวเลขทั้ง 2 ประเภทนี้จะใช้ต่างกัน สำหรับพื้นฐานในชีวิตประจำวัน  

ใช้ “ลักษณะนาม”  และ  “ความมากน้อยของจำนวน” ในการสังเกตว่าเราควรใช้ตัวเลขประเภทใด 




1. ตัวเลขจีน : 한자어 숫자

จำนวนหลักตั้งแต่ 100 ขึ้นไป ใช้ตัวเลขจีนทั้งหมด


           
🌱----🌸----🍁----🍃----🍊----🌼----🌱----🌸----🍁----🍃----🍊----🌼

2. ตัวเลขเกาหลี : 고유어 숫자 



ตัวเลขเกาหลี 1 - 4 เมื่อใช้กับลักษณะนาม 하나 둘 셋 넷 เปลี่ยนเป็น 한  두  세  네  ตามลำดับ

 ตัวเลขเกาหลี 20 เมื่อใช้กับลักษณะนาม 스물 จะเปลี่ยนเป็น 스무


          🌱----🌸----🍁----🍃----🍊----🌼----🌱----🌸----🍁----🍃----🍊----🌼


    0  เลข 0 คือ 영 หรือ 공 เป็นตัวเลขจีน : 한자어 숫자 

  ส่วน เลข 0 ในตัวเลขเกาหลี : 고유어 숫자 นั้นให้ใช้เหมือน 0 เหมือนตัวเลขจีน   สันนิษฐานว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะ ในอดีตการคิดคำนวนตัวเลขทางคณิตศาสตร์ส่วนใหญ่ใช้ตัวเลขจีน ซึ่งมีตัวเลข 0 [영/공 ] ที่ใช้ในการคำนวนทางคณิตศาสตร์และเป็นที่ยอมรับทั่วไป ส่วนตัวเลขเกาหลีไม่ได้นำมาใช้ทางการคำนวน ทำให้ไม่มีเลข 0 จึงใช้ตัวเลข 0 ของจีน 


           🌱----🌸----🍁----🍃----🍊----🌼----🌱----🌸----🍁----🍃----🍊----🌼


단위성 의존명사 : ลักษณะนาม

อ่านเรื่อง  단위성 의존명사 : ลักษณะนาม  ➡ คลิกเพื่ออ่าน

      🌱----🌸----🍁----🍃----🍊----🌼----🌱----🌸----🍁----🍃----🍊----🌼




วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2564

[동사]-는 게 좋겠다 : ควร… [การทำ...จะดี]

 -는 게 좋겠다 : ควร… [ควรทำ...จะดี] 

: ใช้กับคำกริยาแสดงการกระทำ

: เมื่อผู้พูดต้องการให้คำแนะนำ ทางเลือกที่ผู้พูดคิดว่าดีกว่า หรือเป็นสิ่งที่ผู้ฟังควรทำ "การทำแบบนั้นมันดี" /  "การทำ...จะดี"

: เป็น 문법 : ไวทยากรณ์ ทีใช้ในภาษาพูด การสนทนา 



ตัวอย่างประโยค

너 내 말을 듣는 게 좋겠다. : เธอควรฟังคำพูดของฉัน

    듣다 [ฟัง] + 는 게  = 듣는 게  


학교에 가는 게 좋겠다. : นักเรียนควรไปโรงเรียน

    가다 [ไป] + 는 게 = 가는 게


일찍 오는 게 좋겠다. : ควรมาแต่เช้า

    오다 [มา] + 는 게 = 오는 게


우리 택시를 타는 게 좋겠다. : เราควรขึ้นแทกซี่

    타다 [ขึ้น] + 는 게 = 타는 게


너 울지 않는 게 좋겠다. : เธอไม่ควรร้องไห้

    울다 [ร้องไห้] + 지 않다 [ไม่] + 는게 = 울지 않는 게


그런 사람과 시간을 낭비하지 않는 게 좋겠다. : ไม่ควรเสียเวลากับคนแบบนั้น

    낭비하다 [เสียเปล่า] + 지 않다 [ไม่] + 는 게 = 낭비하지 않는 게


너는 선생님의 말씀을 듣는 게 좋겠다. : เธอควรฟังคำพูดของคุณครู


네가 회사에 늦게 오지 않는 게 좋겠다. : เธอไม่ควรมาที่ทำงานสาย


🌱----🌸----🍁----🍃----🍊----🌼----🌱----🌸----🍁----🍃----🍊----🌼


เปรียบเทียบ

[동사] + 는 게 좋겠다 กับ [동사] + (으)면 좋겠다




               🌱----🌸----🍁----🍃----🍊----🌼----🌱----🌸----🍁----🍃----🍊----🌼


เปรียบเทียบ

[동사] + 는 게 좋겠다 กับ [동사] + 는 게 좋다 : ชอบ


🌱----🌸----🍁----🍃----🍊----🌼----🌱----🌸----🍁----🍃----🍊----🌼

ขอบคุณที่ติดตามเพจของเรานะคะ

รักษาสุขภพให้แข็งแรง
เติบโตต่อไป
แค่วันนี้เรามีความสุข 
พรุ่งนี้ก็ไม่จำเป็นอีกแล้ว
^^
우리 행복하게 살자


วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2564

의 : การแสดงความเป็นเจ้าของ


 의 : การแสดงความเป็นเจ้าของ

: -의 แปลว่า ‘ของ’  

: ออกเสียงว่า [에] 

: - 의 คำคุณศัพท์ที่ใช้บอกความเป็นเจ้าของคำนาม [소유 형용사

  คือ เติม 의 หลังคำที่ต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ 

        

        > 소유 형용사의 명사  :  N 의 N  :  คำนาม의 คำนาม


: เขียนคำนามต่อกัน โดยไม่มี -의 แต่มีความหมายเหมือนมี 의 

  เราสามารถละ 의 ออกได้ โดยที่ความหมายไม่ได้ปลี่ยนไปจากเดิม เพราะในบทสนทนา การพูดบางครั้ง เราจะพบว่าคนเกาหลีเองไม่ได้ออกเสียง 의 แต่เราก็ยังสามารถเข้าใจได้ ด้วยบริบทรอบข้างนั่นเอง!


        > 소유 형용사  명사    : N N  :  คำนาม คำนาม 


                    

    ในภาษาไทยเอง เราก็ใช้แบบนี้เหมือนกันนะ เช่น มีคนถามว่า ข้าวจานนี้ของใคร เราอาจตอบว่า ข้าวของเพื่อน หรือ ข้าวเพื่อน ซึ่งความหมายก็ไม่ได้ต่างกัน [แต่การใช้ภาษาทุกภาษามีเซนท์ในตัวอยู่แล้ว ไม่ยากเกินที่จะเข้าใจแน่นอนค่ะ] 

               

กรณีเป็นคำนามอื่นๆ 

        ชื่อคน - 김우정 씨의 바지 : 김우정 바지 : กางเกงของคิมอูจอง

        ประเทศ - 태국의 문화  : 태국 문화 : วัฒนธรรมของประเทศไทย

        สัดส่วน - 3분의 1 : 1 ใน 3 ส่วน / 1 ของ 3 ส่วน 


----------------------------------------------------------------------


: 의 ใช้กับ  저  나  너 จะเปลี่ยนรูป เป็นแบบที่รวมเสียงและรูปเข้ากับคำ 

: 거 แปลว่า ของ มาจากคำว่า 것 



 


 ----------------------------------------------------------------------


ฝึกอ่านและพูดบ่อยๆ

อย่ากังวลถึงแกรมม่ามากเกินไป

ลองพูดออกมาอย่างมั่นใจ ค่อยๆเรียนรู้ธรรมชาติของภาษา

여러분의 피드백을 해주셔서 감사하겠습니다.


^^





แจก "แพลนเที่ยวเกาหลี" ฉบับผ่านตม.เกาหลีมาแล้ว ใช้เที่ยวได้จริง

     สวัสดีนักอ่านบล็อกของเราทุกคนค่ะ วันนี้เรามาแจก "แพลนเที่ยวเกาหลี" เชื่อว่าช่วงใกล้สิ้นปีแบบนี้ประเทศเกาหลีคงเป็นอีกหนึ่งจุด...